ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 15 ต.ค.คนไทยที่ไปทำงานประเทศอิสราเอลที่แจ้งประสงค์ขอกลับประเทศไทยไว้กับทางการไทยจากเหตุสงครามระหว่างกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซากับอิสราเอล ได้เดินทางมาถึงประเทศไทยแล้ว
ในรอบนี้เป็นรอบที่ 3 จำนวน 90 คน เป็นชาย 88 คน หญิง 2 คน ในจำนวนนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บด้วยจำนวน 3 คน คนหนึ่งบาดเจ็บบริเวณขา ขาอักเสบ เพราะโดนสะเก็ดระเบิด อีกคนบาดเจ็บที่ข้อมือ ส่วนอีก 1 คน ยังไม่ทราบรายละเอียด
เล่านาทีหนีตาย ถูกกลุ่มฮามาสล้อมโรงงาน! ซ่อนตัว 3 วัน ก่อนถูกช่วยเหลือ
“อิสราเอล” จ่อบุก “ฉนวนกาซา” เข้าโจมตีทางบก อากาศ
การเดินทางรอบนี้มาด้วยเครื่องบินแบบเช่าเหมาลำ เป็นสายการบินพาณิชย์ของประเทศดูไบ ออกเดินทางจากอิสราเอลเวลา 11 โมงจากนั้นมาเปลี่ยนเครื่องที่นครดูไบ ออกเดินทางจากนครดูไบเวลา 2 ทุ่ม และมาถึงท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง -พัทยา ประมาณ 6 โมงเช้า เมื่อมาถึงเจ้าหน้าที่ได้นำแรงงานคนที่ได้รับบาดเจ็บลงเครื่องมาก่อน เพื่อให้ทีมแพทย์ตรวจรักษาเบื้องต้น หลังจากนั้นแรงงานทั้งหมดก็ทยอยเดินออกมาขึ้นรถบัสจำนวน 3 คันที่ทางการจัดเตรียมไว้รับแรงงานกลุ่มนี้ไปส่งที่โรงแรมเอสซีปาร์ค
จุดที่ทางการประสานให้ญาติพี่น้องของแรงงานไปรอรับ โดยไม่ให้มารับที่สนามบินอู่ตะเภา และความจริงสื่อมวลชนเองก็เกือบจะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำข่าว เพราะมีประเด็นดราม่ารอบแรกที่มีคนบาดเจ็บนั่งวีลแชร์แต่ยังต้องมาเข้าพิธีการต้อนรับจากทางการไทย และยังต้องมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ทั้งๆ ต้องรีบไปรักษาตัวก่อน ทางการจึงน่าจะป้องกันการเกิดดราม่าซ้ำ แต่สุดท้ายกระทรวงการต่างประเทศได้มีการอนุญาตให้สื่อมวลชนเก็บภาพได้
ขณะที่คนไทยเดินออกจากตัวอาคารสนามบินมาขึ้นรถบัส แต่ก็มีแรงงาน 2 คนที่ไม่ประสงค์จะเดินทางพร้อมกับรถบัส เพราะมีญาติมารับที่สนามบิน ระหว่างรอญาติมารับ ทีมข่าวได้สัมภาษณ์แรงงานคนหนึ่ง คือนายวีระยุทธ ปัญญาประชุม เป็นชาวจังหวัดสกลนคร นายวีระยุทธ บอกว่า เขาโชคดีมากที่เป็นคนล็อตแรกๆ ได้เดินทางกลับมาไทยเร็ว เพราะยังเหลือพี่น้องคนไทยอีกหลายคนยังอยู่ที่นั้น อยากจะให้ช่วยเร่งอพยพกลับมาให้เร็วที่สุด เข้าใจว่าที่ยังอพยพได้น้อยเพราะการติดต่อสื่อสารที่ไม่มีตัวกลางชัดเจนให้พวกเขาประสาน ไม่มีจุดให้ไปรวมตัว แต่หลังจากได้จุดรวมตัวแล้วทางการไทยก็ให้การช่วยเหลืออย่างดี เดินทางครั้งนี้ก็ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร ทั้งค่าเครื่องบินอาหาร ที่พักทางการดูแลทั้งหมด
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า หลังจากนี้จะกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกไหม นายวีระยุทธ บอกว่า ต้องขอดูก่อน ตอนนี้เหนื่อยใจมาก เหตุการณ์ที่เจอมามันเกิดต่อหน้าต่อตา เสียงไซเรนเตือนดังแค่ 1 ครั้ง ครั้งที่ 2 ยังไม่ถึง 2 วินาทีระเบิดก็ลงตู้มเลย ภาพยังจำได้
ส่วนคนที่พูดว่า "รู้อยู่แล้วว่าเสี่ยงวิ่งไปทำไม" อยากจะบอกว่าเป็นคนจนยังไงก็ต้องสู้ อันตรายขนาดไหนก็ต้องเสี่ยง เพราะต้องสู้เพื่อครอบครัว คนรวยก็พูดไปเรื่อย เขารวยเขาพูดได้ คนที่มีเงินอยู่แล้วไม่ไปก็ได้
สำหรับตัวเลขการอพยพคนไทยตลอด 9 วันที่เกิดสงครามรวมได้ทั้งหมดจำนวน 162 คน รอบแรก 15 คน รอบ 2 จำนวน 57 คน และรอบนี้จำนวน 90 คน จากจำนวนผู้ลงทะเบียนขอกลับเกือบ 7,000 คน
รายงานล่าสุดจากกระทรวงการต่างประเทศ ว่าทางการอิสราเอลให้การยืนยันแล้วว่า คนไทยได้ออกจากจุดเสี่ยงแล้วกว่า 99% โดยเมื่อส่งออกมาแล้วก็จะพาไปส่งที่ศูนย์อพยพต่างๆ ที่อยู่รอบเมือง แต่ทางการไทยอาจจะมองว่ายังไม่เพียงพอ เขาก็พยายามหาช่องทางอื่นๆ คือการพาคนไทยออกจากพื้นที่ในเมืองเทลอาวีฟและพาไปที่อื่น เช่น ดูไบ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือประเทศตุรกี ภาพรวมของการอพยพคนไทยตั้งแต่นี้เป็นต้นไปจนถึงสิ้นเดือน คาดว่าจะมีคนไทยที่กลับมาได้ไม่ต่ำกว่า 4,000 คนหรือ 400 คนต่อวัน
ขณะที่ทางประเทศไทย ได้ประสานเที่ยวบินพิเศษของกองทัพอากาศ ออกเดินทางจากไทยแล้วเมื่อคืนนี้ และจะกลับถึงไทยวันที่ 16 ตุลาคม เวลาประมาณ 04.40 น. มีคนไทยเดินทางกลับประมาณ 130 คน ส่วนสายการบินแห่งชาติ อิสราเอลแบบเช่าเหมาลำ จะออกเดินทางในวันที่ 16 ตุลาคม คาดว่าจะสามารถพาคนไทยกลับได้ 250 คน แต่ยังไม่ทราบเวลาที่แน่ชัด
ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวที่ใช้ชื่อว่า เศรษฐา ทวีสิน เป็นภาษาอังกฤษ ว่า "ผมได้รับรายงานว่าวันนี้ทีมกระทรวงการต่างประเทศได้หารือกับการบินไทย นกแอร์ และแอร์เอเชีย เพื่อวางแผนจัดเที่ยวบินอพยพคนไทยกลับจากอิสราเอลโดยด่วน
ตั้งแต่นี้ไปจนถึงสิ้นเดือนนี้ จะมีเที่ยวบินไปรับพี่น้องคนไทยที่ต้องการกลับบ้าน กลับมาประเทศไทยทุกวัน จนจบภารกิจ ผมขอขอบคุณทั้งสามสายการบินเป็นอย่างยิ่งที่สนับสนุนเครื่องบินเพื่อช่วยเหลือคนไทยในภารกิจสำคัญนี้ด้วยครับ"คำพูดจาก เว็บตรง true wallet